ผลการประชุมระดับภูมิภาคเอเชียครั้งที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2553 (2010)
เมืองยอร์กจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย การประชุมระดับภูมิภาคเอเชียครั้งที่ 6 (The 6th Asian Regional Conference หรือ ARC) ซึ่งจัดขึ้นระหว่าง
วันที่ 14-16 ตุลาคม ณ เมืองยอร์กจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี หัวข้อหลักการ
ประชุม the 6th ARC คือ ‘การปรับปรุงประสิทธิภาพการชลประทานและการระบายน้ำ โดยการพัฒนาการ
ชลประทานแบบมีส่วนรวม ภายใต้เงื่อนไขการถือครองที่ดินรายย่อย’
ในประเทศเอเชียส่วนใหญ่ ความมั่นคงด้านอาหารมักเกี่ยวโยงไปถึงการให้บริการชลประทานแก่ผู้ถือครองที่ดิน
รายย่อยซึ่งมีขนาดของที่ดินครอบครองน้อยกว่าหนึ่งเฮคแตร์ (6.25 ไร่) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่มีประชากร
หนาแน่น ได้แก่ จีน อินเดีย ปากีสถาน อิหร่าน และอินโดนีเซีย ซึ่งอาหารหลักส่วนใหญ่ของภูมิภาคนี้ผลิตโดยผู้
ถือครองที่ดินรายย่อยเหล่านี้
ดังนั้น การมุ่งเน้นไปที่ผู้ถือครองที่ดินรายย่อยในภูมิภาคนี้จึงจำเป็นเพื่อความสำเร็จของการจัดการชลประทาน
การใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพและความมั่นคงด้านอาหาร และเพื่อการมุ่งเน้นดังกล่าว จำเป็นจะต้องทำความ
เข้าใจทั้งในเรื่องสภาพเศรษฐกิจ-สังคมของพวกเขา ภายใต้สภาพแวดล้อมทางด้านการจัดการ เทคนิค และ
โครงสร้างองค์กรของการเกษตรชลประทาน ที่พวกเขาเกี่ยวข้องอยู่ รวมทั้งทำความเข้าใจในเรื่องแนวโน้มต่าง ๆ ที่
มีอิทธิพลต่อการเกษตรชลประทานโดยทั่วไป และที่มีผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ในอนาคตของพวกเขาโดยเฉพาะ
การผลิตอาหารในภูมิภาคนี้ส่วนใหญ่ ผลิตโดยผู้ถือครองที่ดินรายย่อย ซึ่งเป็นส่วนของประชากรที่ยากจนที่สุด
การผลิตอาหารและความเป็นอยู่ของพวกเขาเหล่านี้ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนพื้นที่ชลประทานเป็นชุมชน
เมือง อย่างไรก็ตาม การเป็นชุมชนเมืองได้เปิดโอกาสสำหรับการทำเกษตรพืชมูลค่าสูงและการเกษตรแบบ
กระจายการผลิตพืช
การที่คนรุ่นใหม่ซึ่งได้รับการศึกษามากขึ้น ค่อย ๆ ลดความสนใจต่อการทำเกษตรและการตลาดแบบรายย่อยลง
ตามลำดับ และการที่ผู้ถือครองที่ดินรายย่อยมีโอกาสหารายได้อื่นเนื่องจากการเปลี่ยนเป็นชุมชนเมือง ทำให้มี
โอกาสปรับเปลี่ยนพื้นที่การเกษตรไปสู่ลักษณะแปลงใหญ่ขึ้น ทั้งนี้จะต้องเปิดช่องทางให้มีการเปลี่ยนมือของที่ดิน
ไปสู่คน ‘เมือง’ ในทิศทางที่สร้างสรรค์
การปรับปรุงประสิทธิภาพการชลประทานและการระบายน้ำสำหรับการถือครองที่ดินรายย่อย จะได้รับความ
สนใจจากเกษตรกรในลำดับแรก ถ้าการดำเนินงานดังกล่าวช่วยปรับปรุงความเป็นอยู่ของพวกเขา เห็นได้ชัดเจนว่า
คนกลุ่มนี้มีข้อจำกัดด้านการเงินเพื่อจ่ายค่าบริการชลประทาน หรือเพื่อลงทุนในการปรับปรุงเทคโนโลยี ดังนั้น จึง
จำเป็นจะต้องจัดหาเทคโนโลยีที่มีราคาที่พวกเขารับได้และจัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการเงินเพื่อการลงทุน
ในลักษณะที่ไม่ยุ่งยาก ถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้ พวกเขาเหล่านี้ก็จำเป็นที่จะต้องหารายได้อื่น นอกเหนือจากการ
การเกษตรเพื่อปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ของตน และกลายเป็นข้อจำกัดความเป็นไปได้ที่จะเพิ่มการผลิตแบบ
ยั่งยืนในหมู่ผู้ถือครองที่ดินรายย่อยเพื่อรับประกันสิ่งจำเป็นขั้นพื้นฐานในครอบครัวของพวกเขาเหล่านั้น
การตั้งเป้าหมายด้านความมั่นคงด้านอาหาร จะต้องทำไปพร้อมกับการปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ของผู้ถือ
ครองที่ดินรายย่อยและการปรับปรุงที่ดินที่เพิ่มขึ้นและความอุดมสมบูรณ์ด้านน้ำ วิธีทำการเกษตรแบบยืดหยุ่นได้
มากขึ้น การให้บริการชลประทาน และการปรับใช้สิ่งก่อสร้างพื้นฐาน เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อการรับมือกับความเปลี่ยน
ด้านภูมิอากาศและสถานการณ์การขาดแคลนน้ำที่เพิ่มขึ้นและ การจัดการคุณภาพน้ำและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ลุ่มน้ำ
แม่น้ำ และพื้นที่ชลประทาน ให้ดีขึ้นเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อความมั่นคงด้านน้ำและเพื่อการผลิตอาหารแบบยั่งยืน
เพื่อเอาชนะความท้าทายเหล่านี้ จึงได้มีการเรียกร้องให้รัฐบาลต่าง ๆ กำหนดนโยบายทางการเกษตรและ
สนับสนุนแผนการจ้างงานนอกภาคเกษตรแบบยั่งยืนให้มีมากขึ้นและจากรุ่นสู่รุ่น โดยการพัฒนาอุตสาหกรรม
การเกษตรในท้องถิ่น การจัดให้มีระบบเงินเชื่อที่รับได้ และการเข้าถึงการตลาด รัฐบาลทั้งหลายจำเป็นที่จะต้อง
พัฒนาวิสัยทัศน์ และอำนวยความสะดวกแก่ขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงจากระบบถือครองที่ดินรายย่อยในปัจจุบัน
ไปสู่ ระบบการลงทุนทำการเกษตรเชิงพาณิชย์ที่รับผิดชอบต่อสังคม ในขณะเดียวกันจะต้องอำนวยความสะดวกต่อ
การพัฒนาสมาคมผู้ใช้น้ำ และสมาพันธ์ของสมาคมผู้ใช้น้ำ ไปสู่การเป็นผู้จัดการระบบนิเวศวิทยา การเกษตร และ
น้ำแบบผสมผสาน เพื่อให้พวกเขาเหล่านี้กลายเป็นผู้พิทักษ์สิ่งแวดล้อม
ให้ความรู้แก่สถาบันต่าง ๆ ด้วยการสะสมและสังเคราะห์ประสบการณ์ เพื่อการกำหนดและพัฒนาวิธีและ
แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับยกระดับสมาคมผู้ใช้น้ำและสมาพันธ์ของสมาคมผู้ใช้น้ำ ไปสู่การเป็นผู้จัดการระบบ
นิเวศวิทยา และการเกษตร พวกเขาเหล่านี้ต่างต้องการความร่วมมือกับรัฐบาลและเรา ผู้เข้าร่วมประชุม ICID
Asian Regional Conference ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 14-16 ตุลาคม พ.ศ.2553 (2010) ที่เมืองยอร์กจาการ์ตา
ประเทศอินโดนีเซีย
เรื่องการปรับปรุงประสิทธิภาพการชลประทานและการระบายน้ำผ่านการพัฒนาการชลประทานแบบมีส่วนรวม
ภายใต้เงื่อนไขการถือครองที่ดินรายย่อย
การผลิตอาหารในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่ผลิตโดยผู้ถือครองที่ดินรายย่อย ซึ่งผู้ถือครองที่ดินรายย่อยเหล่านี้เป็นส่วนของประชากรที่ยากจนที่สุด
มีการเปลี่ยนแปลงจากพื้นที่ชลประทานเป็นพื้นที่เพื่อจุดประสงค์อื่นที่มิใช่การเกษตร อันเนื่องมาจากการ
เปลี่ยนเป็นชุมชนเมือง
มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการเป็นเจ้าของพื้นที่การเกษตรไปสู่คนที่มาจากเมือง
มีความมั่นใจด้านการเงินเพิ่มมากขึ้น และมีโอกาสการหารายได้นอกภาคการเกษตรสำหรับผู้ถือครองที่ดินรายย่อย ซึ่งมีที่มาจากการพัฒนาเป็นชุมชนเมือง
การที่คนรุ่นใหม่ที่ได้รับการศึกษามากขึ้น ค่อย ๆ ลดความสนใจต่อการทำเกษตรแบบรายย่อยลงตามลำดับ
การเปลี่ยนแปลงประชากรเมืองอย่างรวดเร็วซึ่งทำให้มาตรฐานการใช้ชีวิตเปลี่ยนแปลงไป ส่งผลให้จำเป็นจะต้อง
เพิ่มผลผลิตด้านอาหารอย่างเห็นได้ชัด
ความจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงที่ดินและน้ำเพื่อปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ของผู้ถือครองที่ดินรายย่อยและเพื่อให้บรรลุเป้าประสงค์ด้านความมั่นคงด้านอาหาร อันเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้ที่ดิน
ความจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงประสิทธิภาพด้านการชลประทานและการระบายน้ำ โดยถือเป็นเรื่องสำคัญอันดับ
แรกเพื่อการปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ของผู้ถือครองที่ดินรายย่อย
ความจำเป็นที่จะต้องมีรายได้อื่นนอกเหนือจากการเกษตร เพื่อให้พอเพียงกับความต้องการขั้นพื้นฐานของผู้ถือครองที่ดินรายย่อย
ขีดจำกัดด้านการเงินของผู้ถือครองที่ดินรายย่อยในการจ่ายค่าบริการชลประทาน หรือลงทุนในการปรับปรุง
เทคโนโลยี
ความจำเป็นที่จะต้องมีวิธีทำการเกษตรแบบยืดหยุ่นมากขึ้นเพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและ
การขาดแคลนน้ำที่มีมากขึ้น
ความจำเป็นที่จะต้องมีการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ลุ่มน้ำ แม่น้ำ และพื้นที่ชลประทานที่มีระบบการ
จัดการน้ำและการป้องกันน้ำท่วม ที่ดีขึ้น
รัฐบาลทั้งหลายจง
กำหนดนโยบายทางการเกษตรและสนับสนุนแผนการจ้างงานนอกภาคเกษตรแบบยั่งยืนให้มีมากขึ้นและจากรุ่นสู่
รุ่น โดยการพัฒนาอุตสาหกรรมการเกษตรในท้องถิ่น การจัดให้มีระบบเงินเชื่อที่สามารถรับได้ และการเข้าถึง
การตลาด
อำนวยความสะดวกแก่การพัฒนาสมาคมผู้ใช้น้ำ และสมาพันธ์ของสมาคมผู้ใช้น้ำ ไปสู่การเป็นผู้จัดการระบบ
นิเวศวิทยา การเกษตร และน้ำแบบผสมผสาน และทำให้พวกเขาเหล่านี้กลายเป็นผู้พิทักษ์สิ่งแวดล้อม
พัฒนาวิสัยทัศน์ และอำนวยความสะดวกแก่ขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงจากระบบถือครองที่ดินรายย่อยในปัจจุบัน
ไปสู่ระบบการลงทุนทำการเกษตรเชิงพาณิชย์
ให้ความรู้แก่องค์กรต่าง ๆ ให้` วิเคราะห์ประสบการณ์ และพัฒนาวิธีและแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดเพื่อยกระดับสมาคมผู้ใช้น้ำและ
สมาพันธ์ของสมาคมผู้ใช้น้ำ ไปสู่การเป็นผู้จัดการระบบนิเวศวิทยา การเกษตรและน้ำ
` วิเคราะห์ประสบการณ์และพัฒนาวิธีและแนวทางที่ดีที่สุดเพื่อจัดการสื่อกลางในการเปลี่ยนแปลงจาก
ระบบถือครองที่ดินรายย่อยไปสู่ระบบการลงทุนทำการเกษตรในพื้นที่ขนาดใหญ่ขึ้นและในเชิงพาณิชย์
` พัฒนาและริ่เริ่มนำมาใช้ซึ่งเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ยืดหยุ่นเข้ากับภูมิอากาศ มี
ประสิทธิภาพด้านการใช้น้ำและในราคาที่รับได้ เพื่อสนับสนุนการผลิตของผู้ถือครองที่ดินรายย่อยและปรับปรุง
สภาพความเป็นอยู่ของพวกเขาเหล่านั้น
หน่วยงานที่ทำหน้าจัดการด้านการชลประทานและการระบายน้ำเพื่อการเกษตรให้
ทำหน้าที่เป็นผู้ให้บริการ ซึ่งมีสมาคมผู้ใช้น้ำ/สมาพันธ์ของสมาคมผู้ใช้น้ำของผู้ที่ครองที่ดินรายย่อย เข้ามา
เกี่ยวข้อง ในฐานะผู้มีส่วนร่วมในทุกประเด็นของการพัฒนาและจัดการ ในลักษณะที่สอดคล้องและร่วมมือกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการปรับตัวเข้ากับความเปลี่ยนแปลงทางด้านภูมิอากาศ การเปลี่ยนรูปแบบการใช้ที่ดิน
การเปลี่ยนเป็นสังคมเมือง การเปลี่ยนไปสู่การผลิตแบบอุตสาหกรรม
ต้อนรับกิจกรรมการลงทุนซึ่งทำให้ท้องถิ่นได้เข้ามามีส่วนรวมในวงจรของมูลค่าได้มากขึ้น และยอมให้ภาคเอกชนพัฒนาและทดสอบแนวทางการจัดสื่อกลางเพื่อการเปลี่ยนรูปแบบการถือครองที่ดินจากการถือครองที่ดินเพื่อ
การเกษตรรายย่อยเป็นการทำการแปลงเพาะปลูกขนาดใหญ่หรือในเชิงพาณิชย์และวิสาหกิจเกษตร
เพื่อการนี้ จำเป็นจะต้องมีการพัฒนาและริ่เริ่มเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ยืดหยุ่นเข้ากับภูมิอากาศ มี
ประสิทธิภาพด้านการใช้น้ำและในราคาที่รับได้ เพื่อสนับสนุนการผลิตของผู้ถือครองที่ดินรายย่อยและปรับปรุง
สภาพความเป็นอยู่ของพวกเขาเหล่านั้น
หน่วยงานที่ทำหน้าจัดการด้านการชลประทานและการระบายน้ำเพื่อการเกษตรในฐานะผู้ให้บริการ จำเป็นที่
จะต้องนำสมาคมผู้ใช้น้ำ/สมาพันธ์ของสมาคมผู้ใช้น้ำของผู้ที่ครองที่ดินรายย่อย เข้ามาเกี่ยวข้อง ในฐานะผู้มีส่วน
ร่วมในทุกประเด็นของการพัฒนาและจัดการ ในลักษณะที่สอดคล้องและร่วมมือกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการ
ปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนเป็นสังคมเมือง การเปลี่ยนไปสู่การผลิตแบบอุตสาหกรรม การเปลี่ยนรูปแบบการใช้
ที่ดิน และความเปลี่ยนแปลงทางด้านภูมิอากาศ
สถาบันด้านการเงินและองค์กรระหว่างประเทศทั้งหลาย จำเป็นที่จะต้องกระตุ้นการอภิปราย และการวิจัย
ตลอดจนอำนวยสะดวกให้การเจรจาระหว่างประเทศเกี่ยวกับความท้าทายของและทางเลือกในการทำเกษตร
ชลประทานสำหรับที่ดินรายย่อยในสังคมซึ่งกำลังเปลี่ยนแปลงเป็นสังคมเมืองและสังคมอุตสาหกรรม