

กรมชลประทาน เดินหน้าโครงการศึกษาความเหมาะสมการพัฒนาแหล่งน้ำลุ่มน้ำห้วยหลวงตอนบน-ตอนกลาง จังหวัดอุดรธานี หวังบรรเทาปัญหาทั้งอุทกภัยและภัยแล้งในพื้นที่ลุ่มน้ำห้วยหลวง จังหวัดอุดรธานี
นายเฉลิมเกียรติ คงวิเชียรวัฒน์ รองอธิบดีฝ่ายวิชาการ กรมชลประทาน เข้าร่วมกิจกรรมสื่อมวลชนสัญจร โครงการศึกษาความเหมาะสมการพัฒนาแหล่งน้ำลุ่มน้ำห้วยหลวงตอนบน-ตอนกลาง จังหวัดอุดรธานี โดยมีนายจารึก วัฒนาโกศัย ผู้อำนวยการสำนักชลประทานที่ 5 นายเฉลิมชัย ม่วงไหมแพร ผู้อำนวยการโครงการชลประทานอุดรธานี พร้อมด้วยสื่อมวลชนเข้าร่วมในกิจกรรมดังกล่าว
นายเฉลิมเกียรติ คงวิเชียรวัฒน์ รองอธิบดีฝ่ายวิชาการ กรมชลประทาน เปิดเผยว่า กรมชลประทานได้เล็งเห็นถึงปัญหาและวางแผนในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและภัยแล้งอย่างเป็นระบบในลุ่มน้ำห้วยหลวง โดยที่ผ่านมาได้ดำเนินการศึกษาการจัดทำแผนพัฒนาลุ่มน้ำห้วยหลวงตอนล่าง แล้วเสร็จเมื่อปี 2558 ซึ่งจากการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 และกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 เมื่อปี 2561 นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้สั่งการให้ศึกษาความเหมาะสมการพัฒนาลุ่มน้ำห้วยหลวงตอนบนและตอนกลาง โดยได้มอบหมายกรมชลประทาน เร่งรัดดำเนินการให้เสร็จโดยเร็ว
สำหรับ โครงการศึกษาความเหมาะสมการพัฒนาแหล่งน้ำลุ่มน้ำห้วยหลวงตอนบน-ตอนกลาง จังหวัดอุดรธานี กรมชลประทาน ได้ดำเนินการศึกษาความเหมาะสมของโครงการขนาดใหญ่และขนาดกลางที่มีความสำคัญเร่งด่วน ซึ่งมุ่งเน้นในการบรรเทาปัญหาทั้งอุทกภัยและการขาดแคลนน้ำ รวมไปถึงการพัฒนาลุ่มน้ำและพื้นที่ชลประทานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยได้จัดทำรายงานการศึกษาความเหมาะสม 5 โครงการ ครอบคลุมพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองอุดรธานี , อำเภอกุดจับ และอำเภอหนองวัวซอ ประกอบด้วย โครงการอาคารบังคับน้ำบ้านโนนสว่าง พื้นที่ชลประทาน 13,463 ไร่ , โครงการอ่างเก็บน้ำบ้านขอนยูงน้อย พื้นที่ชลประทาน 6,787 ไร่, โครงการอาคารบังคับน้ำห้วยเชียง 2 พื้นที่ชลประทาน 3,715 ไร่ , โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยยางล่าง พื้นที่ชลประทาน 5,321 ไร่ และ โครงการบริหารจัดการน้ำประตูระบายน้ำบ้านสามพร้าว
ทั้งนี้ หากดำเนินการตามแผนงานที่วางไว้ข้างต้น จะทำให้มีพื้นที่ชลประทานเพิ่มขึ้นประมาณ 29,286 ไร่ แก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำและบรรเทาอุทกภัยในพื้นที่ รวมทั้งช่วยให้การบริหารจัดการน้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ มีความยั่งยืน ตอบสนองต่อการพัฒนา ทั้งในปัจจุบันและอนาคต อันจะส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
กรมชลประทาน
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
13 กันยายน 2564