นายกฯอนุทิน ประชุมด่วน ตั้ง “ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ” ช่วยเหลือประชาชน

557869563 1214372900737312 6022161273353554185 n

558900321 1214374917403777 2732818864282765579 n

 

558905116 1214373850737217 6526295009629922349 n

559525409 1214375110737091 2707544400803836810 n

 

         วันที่ 6 ตุลาคม 2568 ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการและบริหารสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ (คอภ.) ครั้งที่ 1/2568 โดยมี ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายโสภณ ซารัมย์ รองนายกรัฐมนตรี นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เข้าร่วมประชุมร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามสถานการณ์อุทกภัยและแนวทางการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบในหลายพื้นที่ของประเทศ ในการนี้ นายสุริยพล นุชอนงค์ อธิบดีกรมชลประทาน พร้อมด้วยนายเดช เล็กวิชัย รองอธิบดีฝ่ายบำรุงรักษา เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ด้วย
 
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้ให้ความสำคัญต่อการจัดตั้ง “คณะกรรมการอำนวยการและบริหารสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ” (คอภ.) และ “ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ” (ศชภ.) ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อเป็นกลไกหลักในการบูรณาการการทำงานของหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้สามารถบริหารจัดการสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติได้อย่างเป็นเอกภาพ ครอบคลุมทั้งการเตรียมพร้อม เฝ้าระวัง ป้องกัน และการฟื้นฟูหลังเกิดภัย
 
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายให้ กรมชลประทาน บริหารจัดการน้ำ ทั้งในสถานการณ์น้ำหลาก และน้ำท่วมขัง โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา อย่างเต็มศักยภาพ พร้อมทั้งการติดตั้งเครื่องสูบน้ำและเครื่องผลักดันน้ำในพื้นที่น้ำท่วมขัง เพื่อเร่งระบายน้ำออกสู่อ่าวไทยโดยเร็วที่สุด รวมทั้งเตรียมความพร้อมด้านเครื่องจักรเครื่องมือและบุคลากรในทุกภูมิภาค เพื่อลดผลกระทบและเร่งเยียวยาความเสียหายแก่พี่น้องประชาชน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานของคณะกรรมการฯ และศูนย์ปฏิบัติการฯ อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนกำชับให้ทุกหน่วยงานเร่งบูรณาการทำงานร่วมกัน โดยเฉพาะหน่วยงานด้านน้ำให้ดำเนินการอย่างเป็นระบบ เพื่อป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากอุทกภัย พร้อมทั้งเน้นย้ำให้การจัดตั้งคณะกรรมการและศูนย์ปฏิบัติการดังกล่าว เป็นกลไกสำคัญในการบริหารจัดการภัยพิบัติของประเทศให้เกิดผลในทางปฏิบัติอย่างแท้จริง