ชป.เดินหน้าแผนรับมืออุทกภัยและภัยแล้ง ลุ่มน้ำหนองหาร–พุง–ก่ำ

 

 

548295241 1196929399148329 654068695266093790 n

548514559 1196932139148055 6429533076343472428 n

 

 

 

547241866 1196930299148239 8705361046562251375 n

548223307 1196933315814604 7871510174335581287 n

 

 

วันนี้ (16 กันยายน 68) ณ ห้องประชุมศรีสกล โรงแรมเดอะมาเจสติค จังหวัดสกลนคร กรมชลประทาน ได้จัดประชุมปัจฉิมนิเทศและกิจกรรมสื่อสัญจร “โครงการศึกษาความเหมาะสมการบรรเทาอุทกภัยและภัยแล้ง ลุ่มน้ำหนองหาร ลุ่มน้ำน้ำพุง และลุ่มน้ำก่ำ จังหวัดสกลนคร จังหวัดนครพนม” โดยมีนายวีระ ฤกษ์วาณิชย์กุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร เป็นประธาน พร้อมด้วยนายปรัชญา ฉายวัฒนา ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมโยธา (ด้านวางแผน) นายฉัตรดำรงค์ หงษ์บุญมี ผู้อำนวยการส่วนวางโครงการที่ 2 สำนักบริหารโครงการ ผู้แทนจากหน่วยงานราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน และประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เข้าร่วมประชุมฯ
 
สำหรับโครงการศึกษาความเหมาะสมการบรรเทาอุทกภัยและภัยแล้ง ลุ่มน้ำหนองหาร ลุ่มน้ำน้ำพุง และลุ่มน้ำก่ำ จังหวัดสกลนคร จังหวัดนครพนม เป็นการศึกษาจัดทำแผนหลัก (Master Plan) และศึกษาความเหมาะสม (Feasibility Study) เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งที่เกิดขึ้นเป็นประจำ ตลอดจนจัดทำการประชาสัมพันธ์และการมีส่วนร่วมของประชาชน เพื่อรองรับการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่กว่า 3,500 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมลุ่มน้ำน้ำพุง(ร้อยละ 47) ลุ่มน้ำก่ำ(ร้อยละ 53) ของจังหวัดสกลนครและจังหวัดนครพนม
 
ในส่วนของการจัดเวทีปัจฉิมนิเทศโครงการฯ ได้กำหนดจัดขึ้น 2 ครั้ง ได้แก่
 
- เวทีที่ 1 วันที่ 16 กันยายน 2568 ณ ห้องประชุมศรีสกล โรงแรมเดอะมาเจสติค จังหวัดสกลนคร
 
- เวทีที่ 2 วันที่ 17 กันยายน 2568 ณ ห้องยามดี เอ โรงแรมเวลาดี จังหวัดนครพนม
 
นับได้ว่าเป็นเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วน ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ สำหรับใช้เป็นข้อมูลประกอบการศึกษาและจัดทำแผนงาน โครงการที่ตอบโจทย์ปัญหาของพื้นที่อย่างแท้จริง ซึ่งเป็นนโยบายของกรมชลประทานที่ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของประชาชนในทุกขั้นตอน
 
นอกจากนี้ ยังได้นำคณะสื่อมวลชนลงพื้นที่ไปที่บริเวณประตูระบายน้ำสุรัสวดี อำเภอโพนาแก้ว และประตูระบายน้ำบ้านหนองบึง อำเภอโคกศรีสุพรรณ จังหวัดสกลนคร เพื่อรับฟังรายละเอียดผลการศึกษา แนวทางการพัฒนา และการประเมินความเหมาะสมด้านวิศวกรรม เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ หากโครงการดังกล่าวมาทั้งหมด สามารถดำเนินการได้จนแล้วเสร็จ จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและสร้างความมั่นคงด้านน้ำในพื้นที่อย่างยั่งยืนในอนาคต