วันพฤหัสบดีที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2567 เวลา 11.00 น. นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริพื้นที่ภาคเหนือ พร้อมคณะอนุกรรมการฯ และที่ปรึกษาฯ เดินทางไปติดตามผลการดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่เป็นวันที่ 2 โดยมีนางสุพร ตรีนรินทร์ เลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) นายวิวัธน์ชัย คงลำธาร ผู้ทรงคุณวุฒิวิศวกรรมโยธา (ด้านควบคุมการก่อสร้าง) นายอัฏฐวิชย์ นาควัชระ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 1 นายเกื้อกูล มานะสัมพันธ์สกุล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงใหม่ นายณัฐวุฒิ นากสุก ผู้อำนวยการส่วนวิศวกรรม สำนักงานชลประทานที่ 1 นางสาวจันทร์จิรา อักษรณรงค์ ผู้อำนวยการส่วนติดตามและประเมินผล กองประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมติดตามผลการดำเนินงานโครงการกักเก็บน้ำในถ้ำตามพระราชดำริ (ถ้ำห้วยลึก) ตำบลปิงโค้ง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่
ในการนี้ นายอัฏฐวิชย์ นาควัชระ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 1 ได้บรรยายสรุปภาพรวมโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีทั้งหมด 32 แห่ง ประกอบด้วย อ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก 9 แห่ง ฝาย 15 แห่ง และระบบส่งน้ำ 8 แห่ง รวมความจุที่ระดับเก็บกัก 2.96 ล้านลูกบาศก์เมตร สามารถเพิ่มพื้นที่ชลประทานและส่งน้ำให้แก่พื้นที่การเกษตรได้จำนวน 20,160 ไร่ รวมถึงเป็นแหล่งน้ำสำหรับอุปโภคบริโภคของประชาชนในพื้นที่อีกด้วย ต่อมานายเกื้อกูล มานะสัมพันธ์สกุล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงใหม่ ได้บรรยายสรุปผลการดำเนินงานโครงการกักเก็บน้ำในถ้ำห้วยลึกฯโดยเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2524 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรบริเวณต้นน้ำแม่แตงในพื้นที่โครงการหลวงแกน้อย และโครงการหลวงพัฒนาที่ดินห้วยลึก อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ โดยให้พิจารณาบริเวณที่เหมาะสมเพื่อสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก ต่อมาทรงพระเมตตาพระราชทานลายพระหัตถ์กำหนดพิกัดบริเวณก่อสร้างอ่างเก็บน้ำดังกล่าวเป็น “เครื่องหมายกากบาท 3 จุดลงในแผนที่” ซึ่งพบว่าคือภูเขาหินปูนที่ภายในมีโพรงถ้ำขนาดใหญ่ สามารถกักเก็บน้ำได้ตามพระราชประสงค์
กรมชลประทานได้ดำเนินการก่อสร้างระบบกักเก็บน้ำในถ้ำตามพระราชดำริ (ถ้ำห้วยลึก) แล้วเสร็จเมื่อปี 2549 มีลักษณะโครงการเป็นเขื่อนคอนกรีตล้วนปนหินใหญ่ ความยาว 84.00 เมตร ความสูง 12.50 เมตร ความจุที่ระดับเก็บกัก 10,000 ลูกบาศก์เมตร พร้อมอาคารบ่อดักตะกอน ความยาว 5.25 เมตร ความสูง 1.00 เมตร สามารถส่งน้ำสนับสนุนพื้นที่ที่ทางศูนย์พัฒนาโครงการหลวงห้วยลึกจัดสรรให้ราษฎรทำกินประมาณ 200 ไร่ และช่วยเพิ่มประมาณน้ำใต้ดิน และเพิ่มระดับของน้ำใต้ดินให้สูงขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อพื้นที่การเกษตรและการอุปโภคบริโภคของราษฎรด้านท้ายเขื่อนอีกด้วย
ช่วงบ่ายองคมนตรีและคณะ เดินทางไปติดตามผลการดำเนินงานโครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ดอยดำ ตำบลเมืองแหง อำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่ โดยเมื่อวันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2545 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินพื้นที่บริเวณดอยดำ ตำบลเมืองแหง อำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำที่สำคัญในอดีต แต่เนื่องจากมีการบุกรุกแผ้วถางพื้นที่ป่าไม้เพื่อปลูกฝิ่นและพืชเกษตรอื่นๆ จนมีสภาพเสื่อมโทรม นอกจากนั้นพื้นที่ดอยดำเป็นพื้นที่ที่อยู่ใกล้แนวชายแดนที่มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน ไม่มีราษฎรไทยอาศัยอยู่ จึงเป็นช่องทางให้ผู้คนไม่ปรากฎสัญชาติลักลอบเดินทางเข้าออกและนำสิ่งผิดกฎหมายเข้ามาในประเทศ ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางสังคมและเศรษฐกิจภายในประเทศ จึงทรงมีพระราชดำริให้จัดตั้งโครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ฯ ดอยดำ ขึ้น และคัดเลือกราษฎรยากจน ไม่มีที่ทำกิน ไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด เข้ามาอยู่อาศัยในโครงการ และร่วมกันดูแล รักษา ปลูกป่าฟื้นฟูต้นน้ำลำธาร ในพื้นที่ดอยดำและพื้นที่ใกล้เคียง กรมชลประทานในฐานะหน่วยงานร่วม ได้จัดหาแหล่งน้ำสนับสนุนโครงการดังกล่าว ได้แก่ การก่อสร้างฝายทดน้ำ พร้อมระบบส่งน้ำ จำนวน 4 แห่ง และบ่อเก็บน้ำ ค.ส.ล. ความจุ 50 ลูกบาศก์เมตร จำนวน 7 แห่ง ซึ่งปัจจุบันยังใช้การได้ดี
นอกจากนี้ องคมนตรี ได้เชิญถุงพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี มอบแก่ราษฎรและผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่โครงการฯ จำนวน 87 ถุง พร้อมมอบเสื้อกันหนาวสำหรับเด็ก จำนวน 8 ตัว และได้เข้ารับฟังการบรรยายสรุปผลการดำเนินงานของโครงการฯ พร้อมเยี่ยมชมผลผลิต ผลิตภัณฑ์ของราษฎรในพื้นที่โครงการฯ
จากนั้นองคมนตรีและคณะ ได้เดินทางไปยังห้องประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อมอบผ้าห่มกันหนาวพระราชทานให้แก่ราษฎร 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดเชียงราย จังหวัดลำพูน จังหวัดลำปาง และจังหวัดแม่ฮ่องสอน