วันพฤหัสบดีที่ 14 กันยายน 2566 เวลา 09.00 น. พลเอก ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี ประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ภาคกลาง และ พลอากาศเอก จอม รุ่งสว่าง องคมนตรี รองประธานอนุกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่ภาคกลาง และคณะอนุกรรมการฯ โดยมีนางพิชญดา หัศภาค รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) นายพงศธร ศิริอ่อน ผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิศวกรรมโยธา (ด้านสำรวจและหรือออกแบบ) นายวันชัย ปังพูนทรัพย์ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานพระนครศรีอยุธยา นายธนิสร์ ส้มเกลี้ยงเจริญ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามหาราช นายอุทัยวุฒิ ชำนาญแก้ว ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาบางบาล และผู้ที่เกี่ยวข้อง เดินทางไปโครงการสระเก็บน้ำพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัย (ทุ่งมะขามหย่อง) ตำบลบ้านใหม่ อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา รับฟังบรรยายสรุปผลการดำเนินงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเขตพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
โดยนายพงศธร ศิริอ่อน ผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิศวกรรมโยธา (ด้านการสำรวจและออกแบบ) ได้รายงานสถานการณ์น้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยา แผนการบรรเทาอุทกภัยลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง มาตราการเตรียมความพร้อมรับมือฤดูฝนปี 2566 และสถานการณ์เอลนิโญ และนายวันชัย ปังพูนทรัพย์ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานพระนครศรีอยุธยา ได้รายงานแผนการใช้ประโยชน์และการบริหารจัดการน้ำในโครงการสระเก็บน้ำพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัย (ทุ่งมะขามหย่อง) ตำบลบ้านใหม่ อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งมีพื้นที่รวมทั้งสิ้นประมาณ 256 ไร่ ประกอบด้วย 2 ส่วน คือส่วนที่ 1 พระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัย สวนสาธารณะและอื่น ๆ มีพื้นที่ประมาณ 56 ไร่ ส่วนที่ 2 พื้นที่สระเก็บน้ำมีพื้นที่ประมาณ 200 ไร่ ปริมาณความจุที่ระดับเก็บกัก 1,209,000 ลูกบาศก์เมตร สำหรับแนวทางการบริหารจัดการน้ำ โครงการชลประทานพระนครศรีอยุธยา ร่วมกับ องค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา บริหารจัดการสระเก็บน้ำโครงการฯ ในรูปแบบพื้นที่แก้มลิง ได้แก่ 1) การเติมน้ำเข้าสระ รับน้ำเข้าสู่พื้นที่สระเก็บน้ำ โดยใช้ระบบท่อเติมน้ำ 2) การนำน้ำไปใช้ประโยชน์ในช่วงฤดูแล้งจะทำการส่งน้ำให้แก่พื้นที่เกษตรกรรมรอบโครงการฯ จำนวน 1,037 ไร่ ผ่านระบบชลประทาน และ 3) การบริหารจัดการน้ำในช่วงเกิดอุทกภัย ในช่วงน้ำหลากและเกิดปัญหาอุทกภัยโดยการเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำในสระเก็บน้ำตลอดเวลา
จากนั้น พบปะเกษตรกรที่ได้รับประโยชน์จากโครงการสระเก็บน้ำพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัย (ทุ่งมะขามหย่อง) และร่วมปลูกต้นไม้ พร้อมทั้งมอบปัจจัยการผลิตให้แก่ผู้แทนกลุ่มเกษตรกรผู้ใช้น้ำโครงการสระเก็บน้ำพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัย (ทุ่งมะขามหย่อง) อีกด้วย
ต่อมา เวลา 13.00 น. องคมนตรีพร้อมคณะ ได้เดินทางไปเขื่อนพระราม 6 ตำบลท่าหลวง อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยนายเสริมชัย เชียวศิริถาวร ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 10 ได้บรรยายสรุปเกี่ยวกับโครงการเขื่อนพระราม 6 ดังนี้
โครงการเขื่อนพระราม 6 เป็นเขื่อนทดน้ำแห่งแรกในประเทศไทย สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เดิมผู้เชี่ยวชาญชาวอังกฤษเสนอให้สร้างปิดกั้นแม่น้ำป่าสักใต้ บริเวณจังหวัดสระบุรี ต่อมาในปี 2459 ได้เลื่อนจุดก่อสร้างมาที่คุ้งยางนม ตำบลท่าหลวง อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ห่างจากอำเภอท่าเรือขึ้นมาประมาณ 6 กิโลเมตร เนื่องจากมีฐานรากที่มีความมั่นคงกว่า หินคุณภาพดี และบริเวณตำบลท่าหลวง มีระดับต่ำกว่าจังหวัดสระบุรี ซึ่งเมื่อมีการสร้างเขื่อนเจ้าพระยาในภายหลังจะสามารถรับน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาได้ในยามที่ปริมาณน้ำในแม่น้ำป่าสักมีไม่เพียงพอ เดิมพระราชทานนามว่า “เขื่อนพระเฑียรราชา” ต่อมาเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2467 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศเปลี่ยนนามเป็น “เขื่อนพระราม 6” โดยเริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2459 และดำเนินการแล้วเสร็จในปี 2466 โดยในวันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2467 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินมาทรงทำพิธีเปิด ปัจจุบันเขื่อนพระราม 6 มีอายุการใช้งาน 99 ปี ตัวเขื่อนมีช่องระบายน้ำทำด้วยบานเหล็กจำนวน 6 ช่อง กว้างช่องละ 12.50 เมตร มีประตูระบายพระนารายณ์ทำหน้าที่ระบายน้ำจากแม่น้ำป่าสักที่ทดไว้เข้าสู่คลองระพีพัฒน์ ซึ่งเป็นคลองส่งน้ำสายใหญ่ที่ส่งน้ำให้พื้นที่เพาะปลูกในเขตโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักใต้ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดสระบุรี จนถึงทุ่งรังสิต จังหวัดปทุมธานี รวมพื้นที่ 680,000 ไร่ ตลอดจนใช้ในการอุปโภค บริโภค อุตสาหกรรม ผลักดันน้ำเค็ม และรักษาระบบนิเวศน์ด้านท้ายน้ำ สำหรับการบริหารจัดการน้ำของเขื่อนพระราม 6 ประกอบด้วย ปริมาณน้ำหน้าเขื่อนพระราม 6 และการบริหารจัดการน้ำบริเวณหน้าเขื่อน เนื่องจากเขื่อนพระราม 6 มีหน้าที่ในการทดน้ำ ดังนั้น ในการบริหารจัดการน้ำหน้าเขื่อนจึงใช้เขื่อนเป็นอาคารควบคุมปริมาณน้ำเหนือที่ไหลหลากลงมาในแม่น้ำป่าสัก
ทั้งนี้ นายพงษ์ศักดิ์ เลียววงศ์วาน ผู้อำนวยการสำนักงานก่อสร้างขนาดใหญ่ที่ 10 ได้บรรยายการบริหารจัดการจัดการน้ำในลุ่มน้ำป่าสัก โดยอธิบายผ่านโมเดลจำลองของสภาพพื้นที่