กรมชลประทาน เปิด 2 เวทีรับฟังความคิดเห็น โครงการ “ประตูระบายน้ำน้ำปั้ว-ไหล่น่าน จ.น่าน และ ประตูระบายน้ำฆะมัง จ.พิจิตร” หวังสร้างเครื่องมือแก้ภัยแล้ง-น้ำท่วมในลำน้ำน่าน อย่างยั่งยืน
วันนี้ (19 ก.พ. 2567) นายเกื้อศักดิ์ ทาทอง ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมโยธา (ด้านวางแผน) พร้อมด้วย นายพรมงคล ชิดชอบ รองผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 2 นายนิพนธ์ สนั่นเรืองศักดิ์ ผู้อำนวยการส่วนส่งเสริมการมีส่วนร่วมด้านพัฒนาแหล่งน้ำ คณะกรรมการลุ่มน้ำน่าน และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุมปัจฉิมนิเทศโครงการในขั้นการศึกษาแผนหลัก (MP) เวทีที่ 1 เพื่อนำเสนอความก้าวหน้าผลการศึกษาโครงการพร้อมทางเลือกและรูปแบบโครงการเบื้องต้นเกี่ยวกับการดำเนินการประตูระบายน้ำน้ำปั้ว-ไหล่น่าน จังหวัดน่าน ภายใต้โครงการศึกษาความเหมาะสมและประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมประตูระบายน้ำแม่น้ำน่าน จังหวัดน่าน จังหวัดพิจิตร และจังหวัดนครสวรรค์ โดยมี นายเทวา ปัญญาบุญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ให้เกียรติเป็นประธาน ณ หอประชุมที่ว่าการ อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน
นายเกื้อศักดิ์ ทาทอง ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมโยธา (ด้านวางแผน) เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากสภาพพื้นที่ลุ่มน้ำน่าน ประสบปัญหาอุทกภัยและขาดแคลนน้ำสำหรับเกษตรกรรมและอุปโภค-บริโภคอยู่เป็นประจำ เนื่องจากขาดแหล่งเก็บกักน้ำที่มีศักยภาพและการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ ในปี 2566 กรมชลประทาน จึงได้ดำเนินการโครงการศึกษาความเหมาะสมและประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ประตูระบายน้ำแม่น้ำน่าน จังหวัดน่าน จังหวัดพิจิตร และจังหวัดนครสวรรค์ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการน้ำ รวมถึงป้องกันและบรรเทาปัญหาภัยแล้ง-อุทกภัย ให้มีความสอดคล้องกับสภาพปัญหาและกิจกรรมการใช้น้ำในเขตพื้นที่จังหวัดน่าน พิษณุโลก พิจิตร และนครสวรรค์ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาโครงการที่มีศักยภาพในการพัฒนาเป็นอาคารบังคับน้ำในแม่น้ำน่าน
จากนั้นในช่วงบ่าย ได้มีการประชุมกลุ่มย่อย ครั้งที่ 1 ในขั้นตอนการศึกษาความเหมาะสม (FS) และประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) โครงการอาคารบังคับน้ำน้ำปั้ว-ไหล่น่าน โดยมี นายนพพร เรืองสว่าง นายอำเภอเวียงสา ให้เกียรติเป็นประธาน ณ ห้องประชุม องค์การบริหารส่วนตำบลตาลชุม อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน เพื่อนำเสนอแนวทางเลือกและรูปแบบการพัฒนาโครงการฯ น้ำปั้ว-ไหล่น่าน ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลน้ำปั้ว อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายได้รับทราบ พร้อมทั้งรับฟังปัญหาความต้องการด้านการพัฒนาแหล่งน้ำเพิ่มเติมจากประชาชนในพื้นที่ เพื่อนำไปปรับปรุงแนวทางการดำเนินงานศึกษาให้มีความครบถ้วนและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด