กรมชลฯ เดินหน้าบริหารจัดการน้ำเชิงรุก รับมือน้ำฝน-น้ำหลาก

503333684 1113488610825742 179330083520265961 n

 

503170372 1113488654159071 7950852948185098257 n

503705914 1113488644159072 370092399302011331 n

 

          กรมชลประทานติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมปรับแผนบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสม เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน
ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) กรมชลประทาน เปิดเผยว่า จากอิทธิพลของมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ส่งผลให้บริเวณภาคเหนือและภาคกลางตอนบนยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง ขณะที่ภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่
 
ปัจจุบัน (2 มิ.ย. 68) อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศมีปริมาณน้ำรวม 43,194 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 56% ของความจุอ่างฯ รวมกัน ยังสามารถรับน้ำได้อีก 33,296 ล้าน ลบ.ม. หรือ 44% โดยเฉพาะ 4 เขื่อนหลักในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำรวม 13,122 ล้าน ลบ.ม. หรือ 53% ของความจุอ่างรวมกัน ยังสามารถรับน้ำได้อีก 11,749 ล้าน ลบ.ม. หรือ 47% ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ “น้ำพอใช้”
 
ในด้านการบริหารจัดการน้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยา กรมชลประทานได้ปรับลดการระบายน้ำจากเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์รวมกันลงถึงวันละ 15 ล้าน ลบ.ม. (จากเดิมระบายน้ำรวมวันละ 30 ล้าน ลบ.ม.) พร้อมกับดำเนินการจัดจราจรน้ำบริเวณเหนือเขื่อนเจ้าพระยาอย่างต่อเนื่อง โดยน้ำฝนที่ตกในพื้นที่ตอนบนจะไหลรวมลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณสถานีวัดน้ำ C.2 จังหวัดนครสวรรค์ พบว่ามีปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,341 ลบ.ม./วินาที คิดเป็น 37% ของลำน้ำ และยังคงมีแนวโน้มทรงตัว โดยมีการกระจายน้ำเข้าระบบชลประทานสองฝั่งรวม 329 ลบ.ม./วินาที จากนั้นระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาที่อัตรา 1,100 ลบ.ม./วินาที
 
สถานการณ์นี้ส่งผลต่อพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำที่อยู่นอกแนวคันกั้นน้ำ อาทิ คลองโผงเผง จังหวัดอ่างทอง และแม่น้ำน้อย อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งพบว่าวันนี้ (15.00 น.) สถานีวัดน้ำ C.67 บริเวณสะพานหัวเวียง อำเภอเสนา ระดับน้ำสูงกว่าตลิ่ง 55 เซนติเมตร และมีแนวโน้มคงที่ ขณะที่สถานีวัดน้ำ C.68 บริเวณตลาดเสนา ระดับน้ำยังต่ำกว่าตลิ่ง 72 เซนติเมตร และมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นสัญญาณบวกของสถานการณ์
 
ทั้งนี้ กรมชลประทานยังคงจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมปรับแผนบริหารจัดการน้ำให้เหมาะสมกับสถานการณ์ เพื่อบรรเทาผลกระทบให้เกิดขึ้นน้อยที่สุด ควบคู่กับการประชาสัมพันธ์แจ้งข้อมูลข่าวสารให้ประชาชนรับทราบเป็นระยะอย่างต่อเนื่อง