วันนี้ (9 เมษายน 2568) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ครั้งที่ 3/2568 โดยมี ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายสุริยพล นุชอนงค์ อธิบดีกรมชลประทาน นายฐนันดร์ สุทธิพิศาล รองอธิบดีกรมชลประทาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมเพื่อเตรียมพร้อมรับมือฤดูฝน ปี 2568 ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำให้มีการเตรียมมาตรการบริหารจัดการภัยพิบัติด้านน้ำท่วม น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม สำหรับฤดูฝนที่กำลังจะมาถึงนี้ เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนให้ได้มากที่สุด ในวันนี้จึงได้มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บูรณาการร่วมกันทำงานเชิงรุกภายใต้ 9 มาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2568 และเน้นย้ำให้มีการติดตามตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของเขื่อน พนังกั้นน้ำ และอาคารชลประทานทุกแห่งอย่างใกล้ชิด หากพบจุดเสี่ยงให้เร่งดำเนินการแก้ไขทันที เพื่อป้องกันความเสียหายจากอุทกภัย น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบแผนปฏิบัติการภายใต้แผนบูรณาการการแจ้งเตือนอุทกภัยทั้งระบบ ซึ่งจะช่วยให้สามารถเตรียมรับมือสถานการณ์ได้ทันเวลาและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ยังได้เห็นชอบแผนยุทธศาสตร์การประชาสัมพันธ์ด้านทรัพยากรน้ำในสภาวะวิกฤต โดยขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายใต้แผนฯ ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนภัยในสถานการณ์วิกฤตด้านน้ำให้ทันสถานการณ์และสามารถลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชนให้ได้มากที่สุด ในขณะที่การรับมือสถานการณ์ภัยแล้ง ยังคงกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามและเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำอย่างใกล้ชิดจนกว่าจะสิ้นสุดฤดูแล้ง
ขณะเดียวกัน ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบในหลักการ (ร่าง) แผน 3 ปี ด้านทรัพยากรน้ำและโครงการสำคัญ ซึ่งเป็นการจัดทำแผนตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยมีเป้าหมาย เพื่อให้ระบบนิเวศและทรัพยากรน้ำได้รับการฟื้นฟู เพื่อส่งเสริมความมั่นคงน้ำด้านอุปโภคบริโภค ตลอดจนภาคการผลิตในพื้นที่เกษตรน้ำฝน และบรรเทาอุทกภัยอย่างเป็นระบบ
ทั้งนี้ กรมชลประทาน จะเตรียมพร้อมรับมือฤดูฝน 2568 ตามข้อสั่งการของรองนายกรัฐมนตรีอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันอุทกภัยและลดผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน พร้อมร่วมบูรณาการขับเคลื่อนแผนงานตามแผน 3 ปีด้านทรัพยากรน้ำ และแผนแจ้งเตือนอุทกภัยทั้งระยะสั้นและระยะยาว ตลอดจนมุ่งพัฒนาระบบบริหารจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพสูงสุด รองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และเสริมความมั่นคงด้านน้ำทั้งในภาคเกษตร อุปโภคบริโภค และเศรษฐกิจ